นางมนัสนันท์ ศุภพิทักษ์สกุล นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่มีการส่งข้อความเรื่องปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทุกคนให้ไปรายงานตัวที่เขตด่วน พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยให้รายงานตัวยื่นเอกสารที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือที่ทำการเขตเพื่อรายงานตัวว่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่ไปรายงานตัวในปีงบประมาณหน้าเงินจะไม่เข้าบัญชีโดยระบุว่าอายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 700 บาท อายุ 70 ปี เพิ่มเป็น 800 บาท อายุ 80 ปี เพิ่มเป็น 900 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 1,000 บาท พร้อมนำสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านไปยื่นที่สถานที่ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ทางกรมกิจการผู้สูงอายุ จึงได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง พร้อมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้สูงอายุดังนี้
1. การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ยึดแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยังคงเป็นการจ่ายแบบขั้นบันไดคงเดิม ดังนี้
อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาท/เดือน
อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาท/เดือน
อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาท/เดือน
อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาท/เดือน
2. สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จากการประชุมคณะกรรมการบริการกองทุนผู้สูงอายุ ได้มีมติในการจ่ายเงินในโครงการมาตรการให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 2 ครั้ง ดังนี้
(1) ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินโครงการมาตรการให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุมีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนี้ รายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ได้รับเพิ่ม 50 บาท/คน/เดือน และรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ได้รับเพิ่ม 100 บาท/คน/เดือน โดยการจ่ายเงินลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มจ่ายเดือนกรกฎาคม 2561 ถึง กันยายน 2561
(2) ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 7/2561 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 มีมติอนุมัติขยายเวลาการจ่ายเงินในโครงการมาตรการให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ถึงมีนาคม 2562 ตามอัตราข้อ (1)
3. การจ่ายเงินลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ถึงมีนาคม 2562 โดยงวดแรกจ่ายเงินลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ผู้มีสิทธิสามารถถอนเงินที่โอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสดได้ผ่านตู้ ATM ของบมจ.ธนาคารกรุงไทย และสาขาของบมจ.ธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้สามารถเบิกเป็นเงินสดหรือซื้อของได้ หากใช้จ่ายเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่หมด สามารถสะสมในบัตรได้ ซึ่งปัจจุบันได้จ่ายเงินผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนี้
(1) ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ 100 บาท จำนวน 3,090,319 คน เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 309,031,900 บาท
(2) ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ 50 บาท จำนวน 581,136 คน เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 29,056,800 บาท
รวมจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดที่ได้รับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3,671,455 คน เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 338,088,700 บาท
นิตยา ร่มโพธิ์ชี/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี/ที่มา